แม้ปัจจุบันการใช้พลังงาน 'แสงอาทิตย์-แสงแดด' ในการ 'ผลิตกระแสไฟฟ้า' จะยังเป็นเพียงทางเลือก ยังมีต้นทุนที่สูง โดยข้อมูลตัวเลขต้นทุนการใช้พลังงานต่าง ๆ ผลิตไฟฟ้า จากการระบุของ กฟผ.นั้น นิวเคลียร์มีต้นทุนต่อหน่วย 2.46 บาท, ถ่านหิน 2.56 บาท, ก๊าซธรรมชาติ 2.88 บาท (ก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยจะมีให้ใช้ได้อีกไม่เกิน 20 ปี), ลม 6 บาท และแสงแดด 10-13 บาทต่อหน่วย กระนั้น...ก็ใช่ว่าไม่ต้องสนใจทางเลือก
ทางเลือกอย่าง 'แสงแดด' ก็ควรมีการพัฒนาไว้
รวมถึงส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่มีความรู้ความเข้าใจ
ทั้งนี้ การจัดการประกวด โครงการไทยแลนด์โกกรีน (Thailand Go Green) โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ร่วมกับบริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เป็นหนึ่งในช่องทางส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนไทยตระหนักถึงปัญหาการขาดแคลนพลังงานในอนาคต และความจำเป็นในการที่ประเทศไทยต้องมีพลังงานทางเลือก-พลังงานทดแทน ซึ่งในปี 2554 นี้มีการจัดโครงการต่อเนื่องเป็นปีที่ 5
หัวข้อในปีนี้คือ 'แสงแดด : สุดยอดพลังงานแห่งอนาคต' พลังงานสะอาดจากธรรมชาติ ภายใต้ โครงการสร้างนวัตกรรมด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม (CSR) ระดับประเทศ ทั้งนี้ เพื่อให้นักเรียนไทยทั่วประเทศค้นคว้าองค์ความรู้จากพลังงานแสงแดด ซึ่งเป็นพลังงานทดแทนที่มีศักยภาพในอนาคต เพื่อให้เด็กและเยาวชนไทยได้ตระหนักและสืบทอดเจตนารมณ์ด้านความมั่นคงทางพลังงานของประเทศไทย ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็น
โครงการการประกวดดังกล่าวนี้ เปิดรับสมัครถึง 19 สิงหาคม 2554 รับสมัครนักเรียนระดับมัธยมศึกษาทั่วประเทศ เข้าประกวดชิงถ้วยรางวัล ทุนการศึกษา การไปทัศนศึกษาดูงานด้านพลังงานในต่างประเทศ พร้อม ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ผลิตไฟฟ้าใช้ในโรงเรียนเพื่อเป็นศูนย์เรียนรู้ของชุมชน รวมมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท โดยดาวน์โหลดใบสมัครได้ในเว็บไซต์ www.bangchak.co.th สอบถามรายละเอียดต่าง ๆ ได้ที่ ส่วนกิจการสัมพันธ์และกิจกรรมเพื่อสังคมโทร.0-2335-4559, 0-2335-4348 หรือทางอีเมล youth-info@bangchak.co.th
'การสร้างความตระหนักด้านพลังงานทดแทนให้กับนักเรียนทั่วประเทศตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา มีนักเรียนได้รับความรู้กว่า 2.5 ล้านคน และมีโรงเรียนเข้าร่วมโครงการกว่า 2,000 แห่ง' ...เป็นการระบุของ ดร.อนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม ซึ่ง ดร.อนุสรณ์ ยังบอกอีกว่า... ทางบริษัทบางจากฯซึ่งเป็นบริษัทพลังงานของคนไทย ได้กำหนดยุทธศาสตร์ในการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ ด้วยการลงทุนด้าน พลังงานสะอาดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยลดปัญหาภาวะโลกร้อน และให้สอดคล้องกับความมุ่งหมายสู่การเป็นบริษัทที่มีการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็น 0 (Carbon Neutral Company)
'มีการขยายการลงทุนโครงการผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์รวมทั้งสิ้นกว่า 118 เมกะวัตต์ จากเดิมที่มีการผลิตและจำหน่าย
พลังงานทดแทนจากพืชอย่างต่อเนื่องจนได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำพลังงานทดแทน'
ทั้งนี้ สำหรับโครงการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ของทางบริษัทนั้น ระยะแรกมีขนาด 38 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 500 ไร่ ใน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ใช้เงินลงทุนกว่า 5,000 ล้านบาท เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าให้กับ กฟผ.-การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และ กฟภ.-การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ได้ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2554 ซึ่งมีส่วนช่วย เพิ่มไฟฟ้าสำรอง รองรับความต้องการใช้ในภาคธุรกิจและครัวเรือน
ดร.อนุสรณ์ ระบุต่อไปว่า... พลังงานแสงแดดหรือแสงอาทิตย์เป็นพลังงานจากธรรมชาติที่หาได้จากรอบตัวเรา ซึ่งการนำมาใช้มีผลดีในการช่วยลดมลภาวะ ลดผลกระทบด้านสุขภาพ ต่อประชาชนคนไทย ซึ่งจากโครงการดังกล่าวข้างต้น ช่วยลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ได้ประมาณ 100,000 ตันต่อปี หรือเทียบเท่าปลูกป่าเกือบ 80,000 ไร่ และช่วยลดการนำเข้าถ่านหิน
เป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าราว 120,000 ตันต่อปี
การผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์เป็นที่นิยมมากในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นยุโรป อเมริกา หรือเอเชีย โดยปัจจุบันที่สเปนมีโรงไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกและสามารถผลิตไฟฟ้าในตอนกลางคืนได้ด้วย เนื่องจาก มีการค้นคว้าวิจัยและนำนวัตกรรมใหม่ ๆ มาใช้ ซึ่งทำให้ต้นทุนในการผลิตลดลงจากเดิมมาก ซึ่งแม้กระทั่งประเทศจีนปัจจุบันก็มีการใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด
'ภูมิประเทศของประเทศไทยมีความเหมาะสมกับการนำพลังงานจากแสงแดดมาใช้ เป็นพลังงานที่ใช้แล้วไม่มีวันหมด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ อันเป็นสาเหตุหนึ่งที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน อีกทั้งเป็นทางเลือกในการสำรองพลังงานของประเทศ เพื่อรองรับการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจ ขณะที่พลังงานจากแหล่งอื่น ๆ มีข้อจำกัด' ...ดร.
อนุสรณ์ ระบุ
พลังงานทางเลือก-พลังงานทดแทน...นับวันจะยิ่งสำคัญ
แสงอาทิตย์ผลิตไฟฟ้า...ถ้าทำได้โดยต้นทุนต่ำก็น่าสนใจ
เยาวชนไทยจะเป็นตัวจักรสำคัญ...ที่จะสานต่อเรื่องนี้.
source : http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=23&contentID=156075
ทางเลือกอย่าง 'แสงแดด' ก็ควรมีการพัฒนาไว้
รวมถึงส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่มีความรู้ความเข้าใจ
ทั้งนี้ การจัดการประกวด โครงการไทยแลนด์โกกรีน (Thailand Go Green) โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ร่วมกับบริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เป็นหนึ่งในช่องทางส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนไทยตระหนักถึงปัญหาการขาดแคลนพลังงานในอนาคต และความจำเป็นในการที่ประเทศไทยต้องมีพลังงานทางเลือก-พลังงานทดแทน ซึ่งในปี 2554 นี้มีการจัดโครงการต่อเนื่องเป็นปีที่ 5
หัวข้อในปีนี้คือ 'แสงแดด : สุดยอดพลังงานแห่งอนาคต' พลังงานสะอาดจากธรรมชาติ ภายใต้ โครงการสร้างนวัตกรรมด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม (CSR) ระดับประเทศ ทั้งนี้ เพื่อให้นักเรียนไทยทั่วประเทศค้นคว้าองค์ความรู้จากพลังงานแสงแดด ซึ่งเป็นพลังงานทดแทนที่มีศักยภาพในอนาคต เพื่อให้เด็กและเยาวชนไทยได้ตระหนักและสืบทอดเจตนารมณ์ด้านความมั่นคงทางพลังงานของประเทศไทย ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็น
โครงการการประกวดดังกล่าวนี้ เปิดรับสมัครถึง 19 สิงหาคม 2554 รับสมัครนักเรียนระดับมัธยมศึกษาทั่วประเทศ เข้าประกวดชิงถ้วยรางวัล ทุนการศึกษา การไปทัศนศึกษาดูงานด้านพลังงานในต่างประเทศ พร้อม ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ผลิตไฟฟ้าใช้ในโรงเรียนเพื่อเป็นศูนย์เรียนรู้ของชุมชน รวมมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท โดยดาวน์โหลดใบสมัครได้ในเว็บไซต์ www.bangchak.co.th สอบถามรายละเอียดต่าง ๆ ได้ที่ ส่วนกิจการสัมพันธ์และกิจกรรมเพื่อสังคมโทร.0-2335-4559, 0-2335-4348 หรือทางอีเมล youth-info@bangchak.co.th
'การสร้างความตระหนักด้านพลังงานทดแทนให้กับนักเรียนทั่วประเทศตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา มีนักเรียนได้รับความรู้กว่า 2.5 ล้านคน และมีโรงเรียนเข้าร่วมโครงการกว่า 2,000 แห่ง' ...เป็นการระบุของ ดร.อนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม ซึ่ง ดร.อนุสรณ์ ยังบอกอีกว่า... ทางบริษัทบางจากฯซึ่งเป็นบริษัทพลังงานของคนไทย ได้กำหนดยุทธศาสตร์ในการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ ด้วยการลงทุนด้าน พลังงานสะอาดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยลดปัญหาภาวะโลกร้อน และให้สอดคล้องกับความมุ่งหมายสู่การเป็นบริษัทที่มีการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็น 0 (Carbon Neutral Company)
'มีการขยายการลงทุนโครงการผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์รวมทั้งสิ้นกว่า 118 เมกะวัตต์ จากเดิมที่มีการผลิตและจำหน่าย
พลังงานทดแทนจากพืชอย่างต่อเนื่องจนได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำพลังงานทดแทน'
ทั้งนี้ สำหรับโครงการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ของทางบริษัทนั้น ระยะแรกมีขนาด 38 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 500 ไร่ ใน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ใช้เงินลงทุนกว่า 5,000 ล้านบาท เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าให้กับ กฟผ.-การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และ กฟภ.-การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ได้ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2554 ซึ่งมีส่วนช่วย เพิ่มไฟฟ้าสำรอง รองรับความต้องการใช้ในภาคธุรกิจและครัวเรือน
ดร.อนุสรณ์ ระบุต่อไปว่า... พลังงานแสงแดดหรือแสงอาทิตย์เป็นพลังงานจากธรรมชาติที่หาได้จากรอบตัวเรา ซึ่งการนำมาใช้มีผลดีในการช่วยลดมลภาวะ ลดผลกระทบด้านสุขภาพ ต่อประชาชนคนไทย ซึ่งจากโครงการดังกล่าวข้างต้น ช่วยลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ได้ประมาณ 100,000 ตันต่อปี หรือเทียบเท่าปลูกป่าเกือบ 80,000 ไร่ และช่วยลดการนำเข้าถ่านหิน
เป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าราว 120,000 ตันต่อปี
การผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์เป็นที่นิยมมากในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นยุโรป อเมริกา หรือเอเชีย โดยปัจจุบันที่สเปนมีโรงไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกและสามารถผลิตไฟฟ้าในตอนกลางคืนได้ด้วย เนื่องจาก มีการค้นคว้าวิจัยและนำนวัตกรรมใหม่ ๆ มาใช้ ซึ่งทำให้ต้นทุนในการผลิตลดลงจากเดิมมาก ซึ่งแม้กระทั่งประเทศจีนปัจจุบันก็มีการใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด
'ภูมิประเทศของประเทศไทยมีความเหมาะสมกับการนำพลังงานจากแสงแดดมาใช้ เป็นพลังงานที่ใช้แล้วไม่มีวันหมด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ อันเป็นสาเหตุหนึ่งที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน อีกทั้งเป็นทางเลือกในการสำรองพลังงานของประเทศ เพื่อรองรับการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจ ขณะที่พลังงานจากแหล่งอื่น ๆ มีข้อจำกัด' ...ดร.
อนุสรณ์ ระบุ
พลังงานทางเลือก-พลังงานทดแทน...นับวันจะยิ่งสำคัญ
แสงอาทิตย์ผลิตไฟฟ้า...ถ้าทำได้โดยต้นทุนต่ำก็น่าสนใจ
เยาวชนไทยจะเป็นตัวจักรสำคัญ...ที่จะสานต่อเรื่องนี้.
source : http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=23&contentID=156075
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น