ประเทศไทยกับความมั่นคงพลังงานไทยในอนาคต

โดย : ดร. รักไทย บูรพ์ภาค

สวัสดีครับทุกๆ ท่านผมในฐานะที่พอมีความรู้และผ่านงานด้านพลังงานมาบ้าง ผมขอฝากข้อคิดต่อรัฐบาลชุดใหม่เกี่ยวกับด้านพลังงานด้วยครับ
อะไรที่รัฐบาลชุดใหม่ทำถูกผมก็สนับสนุน แต่อะไรที่ผิดและอาจจะทำให้ประเทศชาติเสียหายหรือเสียผลประโยชน์นี้ผมไม่เห็นด้วยแน่นอนครับ

เรื่องที่ผมเห็นด้วยที่มีการลดภาษีน้ำมันหรือลอยตัวราคาน้ำมันในอนาคต จากความเห็นส่วนตัวคิดว่าน่าจะช่วยประชาชนลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางซึ่งเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่อยากเห็นนโยบายแบบนี้ในระยะยาวมากกว่านะครับ ซึ่ง ผลกระทบจากนโยบายนี้หลักๆ มีสองประเด็น คือ

1. จะมีการใช้พลังงานเพิ่มขึ้นและอาจทำให้มีมลพิษเพิ่มขึ้น

2. เงินสำรองในกองทุนน้ำมันลดลง

ทั้งสองประเด็นนั้นเราน่าจะมีการแก้ปัญหาดังนี้

มีการชดเชยเงินส่วนนี้ด้วยการวางแผนเก็บภาษีรถยนต์ตามประสิทธิภาพของรถยนต์ ยกตัวอย่างเช่น ถ้ารถยนต์แบบไฮบริด รถกระบะรุ่นไหนที่ประหยัดพลังงาน หรือมอเตอร์ไซค์ก็ควรจะเก็บภาษีน้อย แต่ถ้ารถยนต์ประเภทไหนใช้พลังงานเยอะไม่ได้ประหยัดพลังงาน อย่างเช่น รถยนต์สองประตูก็อาจจะต้องเก็บภาษีมากหน่อยครับ คิดว่าถ้าวางโครงสร้างดีๆ ถ้าหลายๆ ฝ่ายร่วมมือกันคงจะนำเงินส่วนต่างตรงนี้ไปชดเชยกองทุนน้ำมันฯ ได้ แล้วยังรณรงค์ให้ผู้ซื้อรถยนต์ใหม่เลือกรถยนต์แบบประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยครับ ก็ขอย้ำครับว่าเห็นด้วยกับการลดการเก็บภาษีและขอเสนอให้มีการชดเชยกองทุนน้ำมันฯ ด้วยการจัดโครงสร้างภาษีรถยนต์ใหม่ครับจะได้เห็นนโยบายแบบนี้ระยะยาว ซึ่งก็มีหลายประเทศที่ทำแบบนี้ อย่างเช่น ประเทศแถบยุโรป อเมริกา หรือแม้กระทั่งจีนเองก็พยายามทำอยู่

แต่เรื่องที่ผมไม่เห็นด้วยคือการที่ดูเหมือนว่ารัฐบาลของเราพยายามเจรจาตกลงกับทางกัมพูชา (ตามที่ผู้บริหารบางกระทรวงให้สัมภาษณ์) เพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์ที่สุดนี้จริงหรือครับ

มีการยกกรณีที่ประเทศไทยเราตกลงกับทางมาเลเซียมาเป็นโมเดล (จากการที่ผู้บริหารบางกระทรวงให้สัมภาษณ์) อันนี้ผมคิดว่าคนละกรณีกันครับ

เพราะเราไม่ได้มีปัญหาเรื่องเขตแดนกับทางมาเลเซียและเรามีความจำเป็นอะไรต้องรีบขนาดนั้น ถ้าบอกว่าอยากให้เรานำพลังงานตรงนั้นมาใช้อันนี้ผมเข้าใจครับ และเห็นด้วยครับ แต่มันมีความจำเป็นต้องรีบทำขนาดนั้นเลยหรือครับ และก่อนที่เราจะตกลงกันนี้ผมไม่แน่ใจว่าทางรัฐบาลเราจะทำในฐานะอะไรครับ ถ้าในฐานะนักธุรกิจหรือเอื้อนักธุรกิจบางท่านการที่ตกลงและทำสัญญาได้เร็วกับทางกัมพูชา แน่นอนครับว่าอาจจะหมายถึงว่าท่านทำผลงานสำเร็จแต่ถ้าทำในนามรัฐบาลไทยท่านต้องทำให้ประเทศเราได้ประโยชน์มากที่สุดไม่ใช่หรือครับ ท่านจะตกลงกันเองโดยที่ไม่ประเมินข้อมูลที่แน่นอนบริเวณนั้นก่อนหรือครับ

เราอาจจะมีภาพถ่ายดาวเทียมคร่าวๆ แต่เรายังต้องทำการประเมินแหล่งน้ำมัน (seismic) และเจาะสำรวจ (well testing) แหล่งน้ำมันบริเวณนั้นก่อน อย่าทำแบบอ่าวไทยเหมือนครั้งที่เราเคยตกลงกับบริษัทน้ำมันต่างชาติในอดีตเมื่อ 40-50 ปีก่อนแล้วเราเสียผลประโยชน์บางส่วน อันนั้นผมเข้าใจครับว่าตอนนั้นเราไม่มีความรู้และความสามารถในเรื่องนี้ แต่ปัจจุบันนี้ ตอนนี้ประเทศเรามีทั้งบุคลากรและองค์กรต่างๆ ที่ช่วยกันดูแลเรื่องนี้ขอบอกก่อนเลยครับว่าต้องใช้เวลานานครับ อาจจะหลายปีแต่ถ้าทางเราจะเริ่มเก็บข้อมูลของทางฝั่งเราก็ไม่เป็นไรนะครับ แต่เรื่องจะตกลงกันนั้นต้องรอให้ทุกอย่างชัดเจนก่อนครับ ไหนจะเรื่องเขตแดน ปริมาณน้ำมันที่คาดการณ์แน่นอน และบริษัทที่รับสัมปทาน ถ้าบริษัทที่รับสัมปทานของทางกัมพูชามีชื่อของบริษัทฝรั่งเศส อันนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับกรณีข้อพิพาทเขตแดนเราไปจนถึงกรณีศาลโลกเลยครับ ซึ่งอาจจะเกี่ยวกันหมดก็ต้องจับตามองกันไม่มีความจำเป็นต้องรีบเลยครับ แม้กระทั่งตอนอเมริกาตกลงกับเม็กซิโกเกี่ยวกับแหล่งน้ำมันในอ่าวเม็กซิโกยังใช้เวลานานเลย ขนาดทางเขาไม่มีปัญหาเรื่องเขตแดนบนดินนะครับ

อีกประเด็นหนึ่ง คือ มีการผลักดันเรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติ ทำไมต้องรีบทำเรื่องนี้ละครับ มีอีกหลายเรื่องที่ท่านควรจะรีบทำก่อน เช่น คาร์บอนเครดิตซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อบ้านเรา ไหนจะเรื่องการยกระดับพลังงานทดแทนโดยการผลักดันพลังงานลม ซึ่งอาจจะส่งผลให้เราเป็นแหล่งพลังงานลมที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียนเลยก็ได้ อีกทั้งเราจะลดการนำเข้าพลังงานมหาศาลรวมไปถึงผลักดันให้เราเข้าร่วมทบวงพลังงานทดแทนโลก (International Renewable Energy Agency (IRENA)) ซึ่งประเทศเรายังไม่เข้าร่วมเลย ขณะนี้ มีประเทศลงนาม 149 ประเทศและประเทศสมาชิก 81 ประเทศ เรื่องอย่างนี้ไม่จำเป็นกว่าหรือครับ มีความจำเป็นอะไรขนาดนั้นที่ต้องรีบทำ เรื่องแหล่งน้ำมันในบริเวณที่ยังมีปัญหา เรื่องเขตแดนนี้ตั้งแต่ต้น ขอให้ทุกคนอย่าให้รัฐบาลปิดหูปิดตาทำสัมปทานกับต่างชาติโดยที่เราไม่รู้อย่างในอดีต เพราะเรื่องนี้เป็นยุทธศาสตร์พลังงานในอนาคตเพื่อรุ่นลูกหลานด้วยนะครับ

source:http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/opinion/reader-opinion/20110825/406307/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%95.html