วันอังคารที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2554

“พิชัย” อัด “หม่อมเต่า” ค้าน รบ.ล้วงทุนสำรองฯ ยัน 1.87 $แสนล.ใช้ยังไงก็ไม่หมด

“พิชัย” สวนกลับ “หม่อมเต่า” ค้าน รบ.ล้วงทุนสำรองฯ นำไปลงทุนซื้อแหล่งพลังงานใน ตปท.เผย ทีม ศก.เพื่อไทย พร้อมถก ธปท.ยันมีความจำเป็น-สามารถทำได้ เพราะแนวโน้มดอลลาร์อ่อนค่าไม่หยุด แต่ไทยมีเงินสำรองสูงถึง 1.87 แสนล้านดอลลาร์ ใช้อย่างไรก็ไม่มีวันหมด แนะควรมีไว้ให้เพียงพอประมาณ 5-6 เดือนเท่านั้น ลั่นเดินหน้าโรงไฟฟ้า ถ่านหินสะอาด-นิวเคลียร์ พร้อมเจรจาพื้นที่ทับซ้อน ไทย-กัมพูชา หวังสานต่อธุรกิจก๊าซในอนาคต
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงกรณีที่หม่อมราชวงศ์ (ม.ร.ว.) จัตุมงคล โสณกุล ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แสดงความไม่เห็นด้วยในเรื่องการนำเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ไปใช้ลงทุนในการซื้อแหล่งพลังงานในต่างประเทศ เพื่อเพิ่มมูลค่าและความมั่นคงให้กับประเทศในอนาคต โดยระบุว่า ตนจะได้ให้ทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย (พท.) ไปเจรจาทำความเข้าใจกับ ธปท.ให้เห็นความสำคัญของเรื่องดังกล่าว เนื่องจากเป็นโอกาสของประเทศ ที่จะได้ประโยชน์จากสินทรัพย์ที่มีแนวโน้มราคาสูงขึ้นในอนาคต ขณะที่แนวโน้มของเงินดอลลาร์มีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าลงเรื่อยๆ เนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจ

นายพิชัย กล่าวด้วยว่า รูปแบบของการนำเงินทุนสำรองระหว่างประเทศไปลงทุน จะเป็นการในรูปแบบที่เรียกว่า การจัดตั้งกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ (Sovereign Wealth Fund) ซึ่งไม่ได้จำกัดการลงทุนอยู่ในการเข้าไปซื้อแหล่งพลังงานในต่างชาติเท่านั้น แต่หมายถึงการกระจายความเสี่ยงถือครองสินทรัพย์ที่ความมั่นคงสูงในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นทองคำ หรือเงินสกุลหยวน ซึ่งจากการที่ศึกษาพบว่าเงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่ ธปท.ควรมีไว้เพื่อเป็นหลักประกันความมั่นคง และค่าใช้จ่ายต่างๆ ของประเทศ ควรมีไว้ให้เพียงพอประมาณ 5-6 เดือนเท่านั้น ที่เหลือควรมีการนำไปลงทุนเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับประเทศมากขึ้นในอนาคต

“ประเทศไทยมีเงินสำรองระหว่างประเทศสูงถึง 1.87 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งถือว่ามีความมั่นคงสูงและใช้อย่างไรก็ไม่มีวันหมดดังนั้น ควรที่จะมีการนำไปลงทุนเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่งการเข้าไปซื้อแหล่งพลังงานในต่างประเทศและทำการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ให้เพียงพอที่จะเป็นปริมาณสำรองพลังงานในประเทศ ก็เป็นช่องทางหนึ่งที่ควรจะมีการพิจารณา”

นายพิชัย กล่าวด้วยว่า มีหลายเรื่องที่ตนในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน จะต้องผลักดันให้เกิดขึ้น โดยเรื่องเร่งด่วน คือ การผลักดันการชะลอการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจากน้ำมันเบนซิน 91 เบนซิน 95 และดีเซล เป็นการชั่วคราว 6-12 เดือน โดยใช้วงเงินประมาณ 3-4 พันล้านบาทต่อเดือน

โดยเบื้องต้นให้สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) กู้เงินในระยะสั้น การพิจารณานโยบายค่าไฟฟรี 90 หน่วย โดยอาจมีการปรับจำนวนหน่วยที่รัฐบาลจะอุดหนุนให้น้อยลง ลดลงเพื่อให้ประชาชนให้ไฟฟ้า

นอกจากนี้ ยังต้องเร่งทำความเข้าใจเรื่องการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินที่สามารถใช้เทคโนโลยีถ่านหินสะอาด เพื่อให้เป็นที่ยอมรับกับประชาชน การสนับสนุนให้มีการศึกษาการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ เพื่อเป็นทางเลือกในการสร้างโรงไฟฟ้า รวมทั้งการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา เพื่อเปิดโอกาสให้มีการนำก๊าซธรรมชาติขึ้นมาใช้ในอนาคต
source : http://www.manager.co.th/StockMarket/ViewNews.aspx?NewsID=9540000102603

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น