วันอังคารที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2554

รบ.ตรึง"เอ็นจีวี -แอลพีจี-ดีเซล"6เดือน

รัฐบาลปู 1 เริ่มเดินหน้านโยบายประชานิยมตามที่เคยหาเสียงไว้ "กิตติรัตน์" หัวหน้าทีมศก.ลั่น นโยบายเร่งด่วนต้องเห็นผลทางปฏิบัติใน 6 เดือน โดย เฉพาะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำกับเพิ่มเงินเดือนป.ตรี ด้านรมว.พลังงานเผยจะตรึงราคาเชื้อเพลิงต่อไป 6-12 เดือน ทั้งดีเซล เอ็นจีวี แอลพีจีภาคขนส่ง พร้อมชะลอจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน 3 ชนิดไม่เกิน 1 ปี ได้แก่ เบนซิน 95, 91 และดีเซล ทำให้กองทุน ขาดรายได้ทันทีเดือนละ 3,000 ล้าน ขณะที่กระทรวงเกษตรฯ เร่งคลอดบัตรเครดิตการ์ดชาวนา "สุกำพล" บิ๊กคมนาคมบอกงานด่วนเร่งสางคือ ถนนหาทางที่ถูกน้ำท่วมและปมแอร์พอร์ตลิงก์เจ๊ง แย้มอาจเลิกรถเมล์-รถไฟฟรี "ชัจจ์" พร้อมลุยล้างมาเฟียสุวรรณภูมิ

"กิตติรัตน์"ดัน 10 นโยบายด่วน

เมื่อวันที่ 15 ส.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยก่อนเดินทางร่วมประชุมนโยบายของรัฐบาลที่พรรคเพื่อไทย ว่า การร่างนโยบายในส่วนของตนเสร็จแล้ว จะนำเสนอต่อที่ประชุมพรรคเพื่อไทย ซึ่งมีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีของพรรคร่วมพิจารณาด้วยเพื่อแก้ไขหรือเพิ่มเติม

"สำหรับร่างนโยบายดังกล่าว มีนโยบายเร่งด่วนกว่า 10 เรื่องขึ้นไป อาทิ เรื่องเศรษฐกิจคือการสร้างรายได้ให้กับผู้มีรายได้น้อย โดยเฉพาะเกษตรกรจะให้ความสำคัญในเรื่องราคาสินค้าเกษตร ระบบจำนำสินค้าเกษตร การขยายพื้นที่ชลประทาน" นายกิตติรัตน์ กล่าว

นายกิตติรัตน์ ระบุอีกว่า ส่วนร่างนโยบายทางสังคม ประกอบด้วย ชูการแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ เพิ่มค่าตอบแทนขั้นต่ำรายได้ และการเพิ่มเงินเดือนของผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ซึ่งล้วนแต่เป็นเรื่องต้องทำทันที ทำแล้วจะเห็นผลในทางปฏิบัติได้เลย ซึ่งนายกฯ ให้เวลาทดลองงาน 6 เดือน ดังนั้นเรื่องเร่งด่วนควรจะเสร็จภายใน 6 เดือน ไม่ควรเกินกว่านี้ รัฐมนตรีแรงงานและรัฐมนตรีคลังต้องไปสำรวจว่าจะเพิ่มค่าแรงได้เมื่อไหร่

รุดกล่อมภาคธุรกิจ-ขึ้นค่าแรง

นายกิตติรัตน์ กล่าวต่อไปว่า ขั้นตอนที่จะทำ โดยเฉพาะเรื่องเพิ่มค่าแรง รัฐถือเป็นผู้จ้างรายใหญ่ ลูกจ้างของรัฐจะเห็นการเปลี่ยนแปลงแน่นอน ส่วนภาคเอกชนคงมีขั้นตอนดำเนินการเช่นกัน ไม่ต้องตกใจว่าภาครัฐจะออกกฎหมายอะไรมาบังคับ คนที่เป็นนายจ้างและบริษัทเอกชนจำนวนมากมีความพร้อม มีกำไรมีฐานะการเงินดี ที่ผ่านมาอาจจ่ายน้อยเพราะยังไม่จำเป็น ถ้าภาครัฐขยับแล้ว เมื่อเปรียบเทียบกับภาคเอกชน ถ้าอยากให้พนักงานมีกำลังใจทำงานก็ต้องขยับเอง ตนพูดคุยเรื่องนี้กับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แล้ว ประธานส.อ.ท.เข้าใจและสบายใจมากขึ้น วันพรุ่งนี้ (16 ส.ค.) จะพบกับนายกสมาคมธนาคารไทย ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เพื่อทำความเข้าใจ

"วันนี้พูดคุยกับการบินไทย ซึ่งนายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่การบิน ไทย บอกว่า ภาษีลด ค่าแรงขึ้น แฮปปี้ เข้าใจทำได้" รองนายกฯ สายเศรษฐกิจ กล่าวและว่า ในส่วนของนโยบายเรื่องภาษี กลุ่มที่เสียภาษี 30 เปอร์เซ็นต์ รัฐบาลมีนโยบายเร่งด่วนจะลดอัตราภาษีเหลือ 23 เปอร์เซ็นต์ในงวดปีการเงินปี 2555 เอกชนจะคำนวณได้เลยว่าภาษีจะเสียน้อยลงไป เมื่อเปรียบกับค่าแรงที่เพิ่มขึ้น บริษัทจดทะเบียนหลายแห่งบวกลบคูณหารแล้วยอมรับว่าบริษัทไม่เสียหายที่จะเพิ่มเงินเดือนให้พนักงาน และเมื่อคนมีรายได้เพิ่มขึ้นจะซื้อสินค้าเพิ่มมากขึ้นด้วย

ตรึงราคาพลังงานต่อ 6-12 เดือน

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับมาตรการพลังงานว่า เบื้องต้นจะยังตรึงราคาพลังงานต่อ ทั้งราคาน้ำมันดีเซล ราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (เอ็นจีวี) และราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ภาคขนส่ง ต่อไปอีกอย่างน้อย 6-12 เดือน หรือจนกว่าจะมีมาตรการเพิ่มค่าครองชีพ เช่น การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน จะสำเร็จแล้วจึงค่อยๆ ทยอยปรับลอยตัวราคาพลังงาน เพื่อให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง

"ระยะสั้นต้องตรึงราคาพลังงานต่อไปก่อน แต่ระยะกลางและยาวจะลอยตัวราคาพลังงานเพื่อให้ทันก่อนเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 ไม่เช่นนั้นจะทำให้ประเทศอื่นหันมาซื้อพลังงานจากเราแทน เพราะมีราคาพลังงานที่ถูกกว่า โดยต่อไปจะช่วยเหลือเจาะเป็นกลุ่มๆ ไปเลย" นายพิชัย กล่าว

อย่างไรก็ตาม นายพิชัยเห็นด้วยกับมาตรการลอยตัวราคาก๊าซแอลพีจีภาคอุตสาหกรรมของรัฐบาลเก่า เพราะต้นทุนธุรกิจไม่ใช่เรื่องที่รัฐบาลต้องมาอุดหนุนให้ ส่วนการปรับลอยตัวราคาก๊าซแอลพีจีภาคขนส่ง คงต้องรอดูหลังจากครบกำหนดมาตรการตรึงราคาในช่วงเดือนก.ย. นี้อีกทีว่าจะปรับขึ้นราคาหรือไม่

กู้เงินอุ้ม"กองทุนน้ำมัน"

นายพิชัย ระบุว่า รัฐบาลจะชะลอการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจากน้ำมันเบนซิน 95 เบนซิน 91 และดีเซล คาดว่าน่าจะเริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่เดือนก.ย.นี้ เพราะเป็น 1 ในนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลชุดใหม่ โดยเป็นมาตรการระยะสั้นไม่เกิน 1 ปี ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลก

"ปัจจุบันกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจัดเก็บอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ในส่วนของน้ำมันเบนซิน 95 อยู่ที่ 7.50 บาทต่อลิตร เบนซิน 91 อยู่ที่ 6.70 บาทต่อลิตร และดีเซลอยู่ที่ 2.80 บาทต่อลิตร ซึ่งการลดเก็บเงินนำเข้ากองทุนน้ำมันฯ ทั้ง 3 ชนิดนี้จะทำให้กองทุนน้ำมันขาดรายได้เดือนละ 3,000 ล้านบาท แต่เตรียมแผนกู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่องกองทุนน้ำมันฯ รองรับเอาไว้แล้ว" รมว.พลังงาน แถลง

เล็งเลิก"รถเมล์-รถไฟ"ฟรี

เวลา 09.00 น. พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก และนายกิตติศักดิ์ หัตถสงเคราะห์ รมช.คมนาคม เดินทางเข้าสักการะพระภูมิเจ้าที่และพระพุทธคมนาคมบพิตร สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงคมนาคม ก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการ

พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ตนและรมช.อีก 2 คนพร้อมทำงานแนวทางเดียวกัน ยึดหลักความสามัคคี นโยบายการทำงานต้องรอให้รัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภาวันที่ 23-24 ส.ค. ก่อนจึงจะแบ่งงานให้รมช.ต่อไป ระหว่างนี้ขอศึกษางานในหน่วยงานที่อยู่ในความรับผิดชอบไปก่อน

พล.อ.อ.สุกำพล เผยว่า งานเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการคือ แก้ไขปัญหาความเดือดร้อน เส้นทางถูกน้ำท่วมจากปัญหาอุทกภัย โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแลแก้ไขให้ถนนกลับมาใช้งานได้อีกครั้งโดยเร็ว ปัญหาแอร์พอร์ตลิงก์ที่มีผู้ใช้บริการน้อยต้องเร่งแก้ไข ส่วนโครงการรถเมล์และรถไฟฟรีเพื่อประชาชน ซึ่งทำมาต่อเนื่องหลายรัฐบาลจะขอพิจารณารายละเอียดข้อมูลของโครงการ โดยเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับผู้ใช้บริการก่อนตัดสินใจเดินหน้าโครงการดังกล่าวต่อหรือไม่ เนื่องจากเบื้องต้นรับทราบว่าปัจุบันมีผู้ใช้บริการไม่มากนัก

"เรื่องนี้ขอศึกษาก่อน ดูทั้งผู้ให้บริการ และผู้ใช้บริการ ส่วนตัวมองว่ามีทั้งผลดีและผลเสีย ผลดีคือประชาชนได้ขึ้นรถฟรี แต่ผลเสียคือรัฐสูญเสียรายได้ รวมทั้งที่ผ่านมาในส่วนของรถเมล์ ก็มีคนใช้ไม่มากนัก" พล.อ.อ.สุกำพล กล่าว

"บิ๊กโอ๋"ปัดทำงาน"เพื่อแม้ว"

"โครงการรถไฟฟ้า 10 เส้นทาง และค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสายที่มีหลายคนออกมาระบุว่าทำไม่ได้นั้นขอยืนยันว่าทำได้แน่นอน สำหรับโครงการหารถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คันเป็นเรื่องที่ต้องเดินหน้าต่อ เพื่อจัดหารถทดแทนรถปัจจุบัน ซึ่งมีสภาพเก่ามาก ส่วนจะเป็นรูปแบบการซื้อหรือเช่าต้องพิจารณารายละเอียดอีกครั้ง ถามตอนนี้ยังตอบไม่ได้" พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวยืนยัน

รมว.คมนาคม ให้สัมภาษณ์กรณีมีผู้ตั้งข้อสังเกตว่ามีส่วนพัวพันกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ด้วยว่า เนื่องจากเป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 10 รุ่นเดียวกันจึงเป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ แต่ขอให้ดูการทำงานดีกว่า

"ชัจจ์"ลุยล้างมาเฟียสุวรรณภูมิ

พล.ต.ท.ชัจจ์ รมช.คมนาคม กล่าวว่า การทำงานที่กระทรวงคมนาคมในส่วนของการประกวดราคาของโครงการต่างๆ ที่ผ่านมา หากโครงการไหนดีก็พร้อมเดินหน้าต่อ หากโครงการไหนมีปัญหาจะเข้าไปแก้ไข รวมทั้งปัญหาผู้มีอิทธิพลในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หากได้รับมอบหมายก็พร้อมเข้าไปแก้ไขปัญหา ส่วนภารกิจด้านต่างๆ จะรอความชัดเจนหลังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมแบ่งงานอีกครั้ง

ด้านนายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า การแบ่งงานคาดว่าจะมีความชัดเจนวันที่ 17 ส.ค.นี้ โดยส่วนตัวมีความถนัดด้านทางบก เพราะเป็นส.ส.มานาน มีความใกล้ชิดผูกพันกับประชาชนในพื้นที่ ส่วนโครงการในรัฐบาลสังกัดกระทรวงคมนาคม เห็นว่ามีโครงการดีๆ ที่สามารถเดินหน้าต่อ เช่น ถนนไร้ฝุ่น ขณะเดียวกัน ต้องเร่งทำโครงการใหม่ๆ เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงไป จ.หนองคาย จ.เชียงใหม่ รวมทั้ง อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส และเส้นทางไปภาคตะวันออก ส่วนกรณีมีผลสำรวจโพลระบุว่า ตนเป็นรัฐมนตรีที่มีคนรู้จักน้อยที่สุด ตนจะเร่งทำผลงาน เชื่อว่าจะเห็นผลงานชัดเจนหลังแถลงนโยบายต่อรัฐสภา

บิ๊กรฟท.อยากให้คงรถไฟฟรี

นายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ให้สัมภาษณ์ว่า นโยบายรถไฟฟรีให้บริการคนจนเป็นสวัสดิการให้กับผู้มีรายได้น้อย จะทบทวนหรือไม่ขึ้นอยู่กับนโยบาย ของกระทรวงคมนาคม ฝ่ายปฏิบัติไม่มีปัญหาพร้อมดำเนินการ แต่ที่ผ่านมามีผู้ใช้บริการรถไฟฟรีประมาณ 28-30 ล้านคนต่อปี ส่วนเงินอุดหนุนจากรัฐบาลจะจ่ายตามจริงจากจำนวนตั๋วเดินทาง ตกประมาณ 66-82 ล้านบาทต่อเดือน ดังนั้น หากยกเลิกนโยบายให้บริการฟรีก็เชื่อว่าจำนวนผู้ใช้บริการจะต้องลดลง

"นโยบายรถไฟฟรีมีส่วนสำคัญกับผู้มีรายได้น้อย หากยกเลิกไปจำนวนผู้ใช้บริการคงลดลงมาก เพราะค่าโดยสารจากต่างจังหวัดเที่ยวละกว่า 100 บาทเป็นภาระของผู้มีรายได้น้อย โดยส่วนตัวเห็นด้วยหากจะให้คงสวัสดิการในส่วนนี้ต่อไป" นายยุทธนา กล่าว

โยน"ปู"ตัดสินใจ-เลิกรถเมล์ฟรี

ด้านนายโอภาส เพชรมุณี ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กล่าวว่า การต่อหรือไม่ต่ออายุโครงการรถเมล์ฟรี ขึ้นอยู่กับ นโยบายรัฐบาล ซึ่งขสมก.พร้อมปฏิบัติตาม โดยโครงการดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่สมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี ที่ผ่านมามีผู้โดยสารใช้บริการเฉลี่ย 900,000 ตั๋วต่อวัน หรือ 30 ล้านตั๋วต่อเดือน ถือเป็นการช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อย โดยค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนที่ขสมก. ขอชดเชยรายได้จากกระทรวงการคลังประมาณ 190 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งได้รับการทยอยชดเชยรายได้อย่างต่อเนื่อง ยังไม่มีปัญหาแต่อย่างใด

เร่งออก"บัตรเครดิตชาวนา"

ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยนายพรศักดิ์ เจริญประเสริฐ รมช.เกษตรฯ เดินทางเข้าสักการะพระพิรุณทรงนาค ศาลพระภูมิ ศาลตายาย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง ในโอกาสเข้าทำงานเป็นวันแรก

จากนั้นนายธีระทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมผู้บริหารกระทรวง และกล่าวถึงนโยบายรับจำนำข้าวว่าไม่ได้หนักใจอะไร สามารถดำเนินการได้ทันที ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ เป็นหน่วยงานต้นน้ำที่มีข้อมูลของเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรอยู่แล้ว หากดำเนินการในส่วนของการรับจำนำก็ยินดีให้ความร่วมมือกับหน่วยงานหลักที่จะดำเนินการ คือ กระทรวงพาณิชย์และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)

ด้านนายพรศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องเร่งด่วนที่จะดำเนินการหลังจากรัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภา คือ แก้ไขปัญหาปากท้องเกษตรกรเรื่องต้นทุนการผลิตและเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร โดยเฉพาะเร่งดำเนินการในเรื่องบัตรเครดิตเกษตรกร และรับจำนำข้าวที่จะแก้ไขปัญหาต่างๆ และนำจุดบกพร่องที่เคยเกิดขึ้นอดีตมาปรับปรุงแก้ไขให้การรับจำนำสามารถช่วยเหลือผลผลิตข้าวของเกษตรที่จะเริ่มดำเนินการในฤดูนาข้าวนี้

ตั้งกก.ดูแลขึ้นค่าแรง 300 บ.

นายธีระชัย ยอมรับว่า นโยบายรัฐบาลใหม่ อาทิ เรื่องค่าแรงขั้นต่ำ ส่งผลให้ต้นทุนผู้ประกอบการเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเอสเอ็มอี คงต้องดูว่าจะทำอย่างไรในการลดต้นทุน โดยจะตั้งคณะกรรมการความร่วมมือภาครัฐและเอกชนติดตามภาวะเศรษฐกิจ โดยมีตนเป็นประธาน มีคณะกรรมการประกอบด้วย ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประธานส.อ.ท. และประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ส่วนเรื่องการจัดทำงบประมาณเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะใช้กรอบนโยบายขาดดุล 3.5 แสนล้านบาทตามที่รัฐบาลเก่ากำหนดไว้หรือไม่ ขอเวลาให้ข้าราชการกระทรวงการคลังไปจัดทำรายละเอียดก่อน ซึ่งการใช้จ่ายงบประมาณต่างๆ จะยึดหลักการแห่งความสมดุล มีประสิทธิภาพ

นายธีระชัย กล่าวว่า มอบหมายให้ปลัดกระทรวงการคลัง และผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เตรียมข้อมูลเศรษฐกิจและการคลัง เพื่อนำไปหารือกับผู้ว่าธปท. ภายหลังแถลงนโยบายต่อสภาผู้แทนราษฎร โดยจะร่วมกันประเมินภาวะเศรษฐกิจนอกประเทศ จากปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐ ยุโรป ญี่ปุ่น และจีน ที่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว โดยให้กระทรวงการคลังหาแนวทางรับมือและจะสอบถามธปท. ว่าเตรียมนโยบายอะไรไว้รองรับในอนาคต

source : http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdOakUyTURnMU5BPT0=&sectionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBeE1TMHdPQzB4Tmc9PQ==

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น