วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ฝุ่นถ่านหิน สมุทรสาคร ความทุกข์ของชาวบ้าน

หลังจากกลุ่มคนร้ายอุกอาจบุกยิง "ทองนาค เสวกจินดา" แกนนำ กลุ่มต่อต้านถ่านหิน

อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เพื่อคุณภาพชีวิตของ จ.สมุทรสาคร ซึ่งคนร้ายรับสารภาพ ว่า ถูกจ้างวานจากกลุ่มขนส่งถ่านหินรายหนึ่ง ...การเสียชีวิตของ ทองนาค ได้เปิดเผยให้เห็นถึงความหละหลวม เหลวแหลกของการจัดการอุตสาหกรรมถ่านหิน การขนส่ง แบบที่คนในสังคมไม่เคยรับรู้มาก่อน

ที่ผ่านมา ชาว อ.เมืองสมุทรสาคร เดือดร้อนจากฝุ่นผงของถ่านหิน จากการที่มีท่าเทียบเรือทั้งหมด 70 ท่า และมี 5 ท่าเรือที่ขนส่งถ่านหิน ชาวบ้านกลุ่มเล็กๆ รวมตัวกันประท้วง ร้องเรียนกันมาตลอด เพราะพวกเขาเดือดร้อนจากฝุ่น แต่เสียงเรียกร้องของพวกเขาไม่ดังพอที่จะเข้าไปควบคุมการขนส่งถ่านหินให้มีมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมได้

นับจากปี 2549 ที่พวกเขาพยายามทวงถามไปตั้งแต่อำเภอ จังหวัด รวมไปถึงการถามไปถึงหน่วยงานที่ดูแลด้านสิ่งแวดล้อมอย่างกระทรวงทรัพยากรฯ แต่ทุกอย่างยังเงียบ กระทั่งพวกเขาต้องรวมกันฟ้องศาลปกครอง จนในที่สุด ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ให้ท่าเทียบเรือทั้ง 5 ท่า ระงับการดำเนินกิจการชั่วคราว

มิพักต้องบอกว่า ทั้งหมดทั้งปวงแลกมาด้วยชีวิตของทองนาค ทำให้สังคมสนใจ และหันกลับมาดูฝุ่นถ่านหินดำสนิท ที่ปลิวล่องลอยบนอากาศ จ.สมุทรสาคร ควรจะต้องได้รับการแก้ปัญหา

"พวกเราต้องเปลี่ยนอาชีพจากเดิม ที่ปลูกฝรั่ง มาปลูกข่าเพราะอยู่ใต้ดินไม่ต้องรับฝุ่นถ่านหิน" เกษตรกรรายหนึ่งบอก ว่า พวกเขาเดือดร้อนมาก เนื่องจากบ้านและพื้นที่การเกษตรของพวกเขาอยู่ติดกับโรงถ่านหินและท่าเรือ ทำให้ต้องทนฝุ่นดำที่ลอยมาตามพื้นบ้าน แต่ที่สำคัญ คือ ฝรั่งผลไม้ที่สร้างรายได้เดือนละหลายหมื่นบาท หยุดออกลูก และผิวฝรั่งที่เคยสวยงาม ก็ติดฝุ่นดำขายไม่ได้ราคา

ไม่เพียงเกษตรกรปลูกฝรั่งที่บ้านติดโรงงานเท่านั้น หากรวมไปถึงเกษตรกรที่เลี้ยงปลาสลิดขายรายหนึ่ง เขาบอกเช่นกันว่า ฝุ่นดำที่ลอยในอากาศทำให้เขาไม่สามารถตากปลาสลิดได้ บ้านของเขาต้องปิดตายตลอดเวลา เพราะว่าไม่สามารถทำความสะอาดได้วันละหลายรอบ ทั้งหมดพวกเขาร้องเรียนไปแล้วหลายรอบ แต่ไม่มีใครดำเนินการ ฝุ่นดำยังคงปลิวพัดมาเช่นเดิม

ผลกระทบของถ่านหิน ลามกระทบไปถึงแม่น้ำท่าจีน บริเวณปากอ่าว ซึ่งสมาคมชาวประมงที่นั้นบอกว่าเดิมพวกเขาเก็บหอยพิมพ์ หอยแมลงภู่ได้จำนวนมาก แต่ปัจจุบันทั้งหอยพิมพ์ ปลาทู ปลากระบอก กุ้ง ปลา ลดน้อยลงจำนวนมาก ซึ่งพวกเขาสันนิษฐานว่า น่าจะมาจากการที่เรือบรรทุกถ่านหินล่มในแม่น้ำ รวมไปถึงฝุ่นผงถ่านหินที่ปนเปื้อนในเรือ และเรือขนถ่านหินมักเทน้ำที่ปนเปื้อนลงแม่น้ำ ทำให้ฝุ่นถ่านหินปกคลุมหน้าดิน จนสัตว์น้ำไม่สามารถอยู่รอดได้

ความเดือดร้อนของชาวบ้าน คงไม่ได้รับการรับฟังหากไม่แลกมาด้วยชีวิตของทองนาค เรือบรรทุกถ่านหินที่ไร้ผ้าปกคลุม กองเก็บถ่านหินที่สูงเป็นภูเขายังคงกองท้าทายลม ที่พัดปลิวฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่ว ...และคงเป็นตลกร้ายที่หัวเราะไม่ออก หลังการเสียชีวิตของทองนาค แกนนำคัดค้านการขนถ่ายถ่านหิน ต่างต้องใส่เสื้อเกราะ พกปืนเพื่อคุ้มกันตัวเอง เพราะไม่รู้ว่าอำนาจเถื่อนในพื้นที่จะเข้าจัดการเมื่อไร... ขณะที่หน่วยงานราชการที่มีอำนาจสั่งการให้เกิดการจัดการที่ถูกต้อง ยังล่าช้า ไม่เร่งจัดการเช่นเดิม

source:http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/opinion/sirinart/20110825/406370/ฝุ่นถ่านหิน-สมุทรสาคร-ความทุกข์ของชาวบ้าน.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น