นางสาวนฤภัทร อมรโฆษิต รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สกพ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้รับใบอนุญาตผลิตไฟฟ้า 180 ราย เริ่มนำส่งเงินเข้ากองทุนพัฒนาไฟฟ้าสำหรับการผลิตพลังงานไฟฟ้าตั้งแต่เดือนมกราคม 2554 เป็นต้นมาให้ สกพ. โดยเริ่มนำส่งตั้งแต่กลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมาเป็นต้นมา โดยมีเงินกองทุนพัฒนาไฟฟ้า ณ วันที่ 25 กรกฎาคม 2554 ที่ สกพ.เก็บรักษาไว้ให้กับกองทุนพัฒนาไฟฟ้าในพื้นที่ประกาศประมาณ 1,202 ล้านบาท
ทั้งนี้ แบ่งออกเป็นเงินที่ผู้รับใบอนุญาตผลิตไฟฟ้านำส่งสำหรับการผลิตไฟฟ้าเดือนมกราคม-มิถุนายน 2554 ประมาณ 668 ล้านบาท เป็นเงินกองทุนพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าเดิมที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) โอนให้ สกพ. เพื่อจัดสรรให้พื้นที่รอบโรงไฟฟ้าเดิมประมาณ 533.48 ล้านบาท และเงินกองทุนพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าเดิมที่บริจาคให้ สกพ. เพื่อจัดสรรให้พื้นที่รอบโรงไฟฟ้าเดิมอีกประมาณ 0.22 ล้านบาท
สำหรับความคืบหน้าการดำเนินงานกองทุนพัฒนาไฟฟ้านั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการสรรหาคณะกรรมการกองทุนพัฒนาไฟฟ้าในพื้นที่ประกาศตามระเบียบและประกาศของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) โดย สกพ. จะขอความร่วมมือไปยังกระทรวงมหาดไทยในพื้นที่ต่าง ๆ ในการดำเนินการสรรหาผู้แทนภาคประชาชนในคณะกรรมการพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า (คพรฟ.) และจะบริหารจัดการ พร้อมจัดสรรเงินที่เก็บรักษาไว้ให้กับคณะกรรมการกองทุนพัฒนาไฟฟ้าในพื้นที่ประกาศ เพื่อใช้ในการพัฒนาหรือฟื้นฟูท้องถิ่นรอบโรงไฟฟ้าต่อไป
นางสาวนฤภัทร กล่าวเพิ่มเติมว่า การสรรหา คพรฟ. ที่กำหนดไว้ตามระเบียบของ กกพ. ระบุว่า ต้องมีจำนวน 15-35 คน ประกอบด้วยผู้แทนภาคประชาชนไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ และผู้ทรงคุณวุฒิอีกไม่เกิน 1 ใน 3 เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนรอบโรงไฟฟ้ามีส่วนร่วมในการบริหารงานกองทุนฯ โดย คพรฟ.จะมีบทบาทและหน้าที่ในการพิจารณาอนุมัติโครงการชุมชนที่มาจากประชาคมหมู่บ้านในพื้นที่ของตน รวมทั้งจัดทำและแผนงานยุทธศาสตร์ แผนงานประจำปีเพื่อใช้ในการพัฒนาและฟื้นฟูท้องถิ่นต่อผู้ว่าราชการจังหวัดให้ความเห็นชอบและนำเสนอ กกพ. เพื่ออนุมัติในการนำเงินกองทุนไปใช้ให้บรรลุเป้าหมายตามความจำเป็นและความต้องการที่แท้จริงของชุมชนต่อไป.
source : http://www.mcot.net/cfcustom/cache_page/249669.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น