วันพฤหัสบดีที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2554

กกพ. เดินหน้าการสรรหาคณะกรรมการกองทุนพัฒนาไฟฟ้าทั่วประเทศ พร้อมแนะนำกรรมการกำกับกิจการพลังงานท่านใหม่

เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2554 ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.ดิเรก ลาวัณย์ศิริ ประธานกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เปิดเผยว่า “ ขณะนี้ กองทุนพัฒนาไฟฟ้าได้มีความคืบหน้าในการออกระเบียบและประกาศที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการเพื่อการพัฒนาหรือฟื้นฟูท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้า และพร้อมเดินหน้ากระบวนการสรรหาคณะกรรมการกองทุนพัฒนาไฟฟ้าในพื้นที่ประกาศทั่วประเทศ โดยที่ผ่านมา กกพ. ได้เห็นชอบให้ สกพ. ออกประกาศกำหนดพื้นที่ประกาศแล้วจำนวน 38 กองทุน เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2554 ประกอบด้วย กองทุนประเภท ก จำนวน 10 กองทุน กองทุนประเภท ข จำนวน 28 กองทุน และ ล่าสุดได้ประกาศกองทุนประเภท ค อีกจำนวน 107 กองทุน โดย สกพ. ได้ประชาสัมพันธ์ความรู้เกี่ยวกับกองทุนพัฒนาไฟฟ้าและการสรรหาคณะกรรมการกองทุนพัฒนาไฟฟ้าในพื้นที่ประกาศ ให้กับประชาชนและสาธารณชนในช่องทางต่างๆ ทั้งสื่อวิทยุ บทความทางหนังสือพิมพ์ แผ่นพับ โปสเตอร์ และเว็บไซต์ของ สกพ. ที่ www.erc.or.th

คณะกรรมการกองทุนพัฒนาไฟฟ้าในพื้นที่ประกาศ จะแบ่งเป็น 3 ประเภท คือ กองทุนประเภท ก ซึ่งได้รับเงินมากกว่า 50 ล้านบาทต่อปีขึ้นไป จะมีคณะกรรมการในพื้นที่ 2 ชุด คือคณะกรรมการพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า (คพรฟ.) จำนวน 15-35 คน และคณะกรรมการพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าตำบล (คพรต.) ไม่น้อยกว่า 7 คน สำหรับกองทุนประเภท ข ซึ่งได้รับการจัดสรรเงินมากกว่า 1 ล้านบาทแต่ไม่เกิน 50 ล้านบาทต่อปี จะมีการสรรหา คพรฟ. และสำหรับกองทุนประเภท ค ซึ่งเป็นกองทุนขนาดเล็กได้รับการจัดสรรเงินไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อปี จะมีตัวแทนเทศบาลหรือ อบต. ไม่เกิน 3 คน

นายดิเรก กล่าวว่า “ขณะนี้ กองทุนพัฒนาไฟฟ้า ได้รับเงินจากผู้รับใบอนุญาตผลิตไฟฟ้าประมาณ 180 ราย ซึ่งได้เริ่มนำส่งเงินเข้ากองทุนสำหรับการผลิตพลังงานไฟฟ้าเดือนมกราคม 2554 ให้กับ สกพ. ตั้งแต่กลางเดือนมีนาคม 2554 เป็นต้นมา และได้รับเงินบริจาคจากกองทุนพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าเดิม โดย ณ วันที่ 8 สิงหาคม 2554 มีเงินกองทุนพัฒนาไฟฟ้าที่ สกพ. เก็บรักษาไว้ให้กับกองทุนพัฒนาไฟฟ้าในพื้นที่ประกาศจำนวนประมาณ 1,205 ล้านบาท ส่วนการสรรหา คพรฟ. จำนวน 15 - 35 คน ประกอบด้วยผู้แทนภาคประชาชนไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ และผู้ทรงคุณวุฒิอีกไม่เกิน 1 ใน 3 เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนรอบโรงไฟฟ้ามีส่วนร่วมในการบริหารงานกองทุนฯ โดย คพรฟ.จะมีบทบาทและหน้าที่ในการพิจารณาอนุมัติโครงการชุมชนที่มาจากประชาคมหมู่บ้านในพื้นที่ของตน. รวมทั้งจัดทำแผนยุทธศาสตร์ และแผนงานประจำปีเพื่อใช้ในการพัฒนาและฟื้นฟูท้องถิ่นต่อผู้ว่าราชการจังหวัดให้ความเห็นชอบและนำเสนอ กกพ. เพื่ออนุมัติในการ นำเงินกองทุนไปใช้ให้บรรลุเป้าหมายตามความจำเป็นและความต้องการที่แท้จริงของชุมชนต่อไป”

สำหรับการประสานงานเพื่อขอความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐในการดำเนินการสรรหาคณะกรรมการกองทุนพัฒนาไฟฟ้าในพื้นที่ประกาศ ที่ผ่านมา สกพ. ได้เชิญนายอำเภอในพื้นที่ประกาศกว่า 90 อำเภอ เข้าร่วมการสัมมนา เรื่อง การสรรหาคณะกรรมการกองทุนพัฒนาไฟฟ้าในพื้นที่ประกาศ เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2554 ที่ผ่านมา เพื่อชี้แจงวัตถุประสงค์และขั้นตอนในการดำเนินการสรรหาดังกล่าว และอยู่ระหว่างดำเนินการจัดเวทีประชาสัมพันธ์ระดับตำบลในช่วงวันที่ 6-16 สิงหาคม 2554 เพื่อชี้แจงการดำเนินงานให้กับคณะกรรมการหมู่บ้านเพื่อให้เกิดความเข้าใจ หลังจากนั้น คณะกรรมการหมู่บ้านจะเริ่มการประชาสัมพันธ์ในระดับพื้นที่ไม่น้อยกว่า 15 วัน ก่อนการประชาคมหมู่บ้านหรือการประชาคมชุมชนเพื่อสรรหาผู้แทนภาคประชาชนใน คพรฟ. และ คพรต. ซึ่งคาดว่าจะเริ่มการสรรหาผู้แทนภาคประชาชนได้ในช่วงเดือนสิงหาคม — กันยายน 2554 นี้

นอกจากนี้ นายดิเรก ได้กล่าวว่า “ที่ผ่านมาได้มี กกพ. ครบวาระ โดยการจับสลากออก 3 ท่าน และมีการสรรหากรรมการใหม่เพื่อทำหน้าที่แทนเรียบร้อยแล้ว จึงขอแนะนำ กกพ. ใหม่ทั้ง 3 ท่านที่จะมากำกับกิจการพลังงานด้านไฟฟ้าและก๊าซธรรมชาติ คือ นายบุญส่ง เกิดกลาง ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์สาขาพลังงานด้านกิจการไฟฟ้า โดยเคยดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน รองอธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน และผู้ตรวจราชการกระทรวงพลังงาน อีกท่านคือนายพิสิษฐ์ สุนทรีรัตน์ ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ด้านรัฐศาสตร์การปกครอง สังคมและสิ่งแวดล้อม โดยเคยดำรงตำแหน่งหัวหน้าสำนักงานจังหวัดหลายแห่ง เช่น จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน แพร่ นครปฐม และตำแหน่งสุดท้ายคือรองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และสุดท้ายคือ นายสรร วิเทศพงษ์ ผู้เชี่ยวชาญสาขาการเงินและการบัญชี โดยมีประสบการณ์การทำงานในตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง ที่ปรึกษากระทรวงการคลัง และกรรมการบริหารธนาคารโลก ซึ่งทำให้ กกพ. สามารถเดินหน้าผลักดันการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาไฟฟ้า และการกำกับกิจการไฟฟ้าและก๊าซธรรมชาติได้อย่างต่อเนื่อง” นายดิเรกกล่าวทิ้งท้าย

source : http://www.ryt9.com/s/prg/1211798

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น