วันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2554

คลังโอดนโยบายน้ำมันปู เจ๊ง3แสนล. กระทบงบประมาณปี'55

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์เมื่อ วันที่ 28 สิงหาคม ถึงผลกระทบจากการชะลอการเก็บเงินเข้า กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในกลุ่มน้ำมันเบนซิน 95 เบนซิน 91 และน้ำมันดีเซลชั่วคราว ที่มีต่อกลุ่มผู้ปลูกพืชพลังงาน ทางเลือกว่า ยังคงนโยบายหลักในการส่งเสริมเรื่องพลังงานทดแทนอยู่ แต่การชะลอการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน เป็นการลดภาระค่าครองชีพในเบื้องต้น แต่ในระยะยาว คงต้องดูในเรื่องการส่งเสริมพลังงานทดแทนผลักดันให้เป็นรูปธรรม อย่างไรก็ตาม ในเรื่องผลกระทบที่เกิดขึ้น มอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวง พลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดูแลรับผิดชอบ ในการออกมาตรการช่วยเหลือด้วย

คลังประเมินเจ๊ง 3 แสนล้านบ.

มีรายงานข่าวจากกระทรวงการคลังเผยว่า จากการประเมินผลกระทบจากนโยบายรัฐบาล ในการยกเลิกจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง จะกระทบฐานะการคลังในปีงบประมาณ 2555 ไม่ต่ำกว่า 3 แสนล้านบาท โดยมาจากสมมุติฐานที่ว่า ถ้าไม่สามารถปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลกลับไปที่ระดับ 5.80 บาทต่อลิตร จะทำให้รายได้หายไป 1.5 แสนล้านบาท ส่วนอีก 1.5 แสนล้านบาท ที่หายไปคาดว่า จะเป็นผลมาจาก การลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันแก๊สโซฮอล์ ขณะเดียวกัน เมื่อลดการนำส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมัน ทำให้ต้อง กู้เงินมาชดเชยเงินกองทุนน้ำมันเดือนละ 6-7 พันล้านบาท หรือประมาณปีละ 8 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทำให้ภาคการคลังมีปัญหามากขึ้น มีการทำงบประมาณขาดดุลมากขึ้นกว่าเดิม

ยืดลดภาษีดีเซลอีก1เดือน

ด้านนายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า สัปดาห์หน้ากรมสรรพสามิตจะหารือกับกระทรวงพลังงาน ขอขยายเวลาการลดภาษีสรรพสามิตดีเซลน้ำมันที่ลดเหลืออัตราการจัดเก็บอยู่ที่ 0.005 บาทต่อลิตร ออกไปอีก 1 เดือน จากเดิมที่จะสิ้นสุดในเดือนกันยายนนี้ โดยจะดูสถานการณ์เดือนต่อเดือน หากยังไม่เหมาะสม ก็จะยืดต่อไป จนกว่าราคาน้ำมันจะไม่เป็นภาระกับประชาชน

ชี้ถ้าลดทั้งปีรายได้หายแสนล้าน

"ทั้งนี้ การลดภาษีน้ำมันดีเซลทำให้รายได้หายไปเดือนละ 9,000 ล้านบาท ซึ่งการลดภาษีโดยที่ไม่มีกำหนดเวลาชัดเจน จะกระทบกับการประเมินรายได้ในปี 2555 หากต้องลดภาษีทั้งปีก็จะทำให้รายได้หายไป 1 แสนล้านบาทŽ อธิบดีกรมสรรพสามิตกล่าว และว่า นอกจากนี้ จะหารือเพื่อลดภาษีน้ำมันแก๊สโซฮอล์ ที่เก็บอยู่ที่ 6.30 บาทยต่อลิตร ให้ลดลงประมาณ 1.50 บาทต่อ ลิตร ขณะเดียวกันจะเสนอให้ปรับเพิ่มภาษีเบนซินเป็น 10 บาทต่อลิตร จากที่เก็บอยู่ที่ 7 บาท เพื่อให้มีส่วนต่างราคา 20-30% ทำให้เกิดแรงจูงใจ ในการใช้พลังงานทางเลือก ทั้งนี้ ยอมรับว่า ไม่สามารถปรับลดภาษีแก๊สโซฮอล์เพียงอย่างเดียวได้ เพราะจะกระทบการจัดเก็บรายได้ของกรมเพิ่มขึ้น ซึ่งในภาพรวมการจัดเก็บรายได้น้ำมันควรจะอยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 7-10% ของรายได้รัฐบาลโดยรวม

ห่วงใช้ลดภาษีนานกระทบ4ด้าน

อธิบดีกรมสรรพสามิตกล่าวด้วยว่า จะ ต้องชี้แจงให้กระทรวงพลังงานเข้าใจว่าการลดภาษีระยะยาวมากเกินไปจะมีผลกระทบอย่างน้อย 4 ด้าน คือ 1.กระทบต่อรายได้รัฐ 2.ทำให้มี การใช้น้ำมันมาก สั่งนำเข้าเพิ่ม มีผลต่อดุลการค้า และดุลชำระเงินของประเทศ 3.มีปัญหาต่อ งบประมาณซ่อมแซมถนน และ 4.ผลต่อ สิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม รู้สึกกังวลการบิดเบือนการใช้น้ำมันและพฤติกรรมการใช้น้ำมัน การลดภาษีดีเซลช่วงที่ผ่านมา ทำให้ปริมาณ การใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น 3-4% ขณะที่การยกเลิกการเก็บเงินเข้ากองทุน ทำให้มีคนไปใช้น้ำมันเบนซิน 91 และ 95 จนหมดสถานี ซึ่งกรมสรรพสามิตต้องเข้าไปดูแลผู้ผลิตเอทานอลที่มีส่วนเกิน โดยวันที่ 29 สิงหาคมนี้ จะประชุมผู้บริหาร เพื่อออกระเบียบกระทรวงให้ผู้ส่งออกเอทานอลได้มากขึ้น

ผู้เชี่ยวชาญแนะลดภาษีโซฮอล์

มีความเห็นจาก นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน กล่าวว่า หลังรัฐบาลชะลอส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันในส่วนเบนซิน และดีเซลแล้ว ต่อไปต้องใช้กลไกภาษีสรรพสามิตปรับลดภาษีสรรพสามิตแก๊สโซฮอล์ที่ปัจจุบันเก็บอยู่ในอัตรา 6.30 บาทต่อลิตร แล้วปรับขึ้นภาษีน้ำมันเบนซินที่ปัจจุบันเก็บอยู่ 7 บาทต่อลิตร เพื่อให้ส่วนต่างของแก๊สโซฮอล์ต่ำกว่าเบนซินอย่างน้อย 5-6 บาทต่อลิตร จูงใจให้คนหันมาใช้พลังงานทดแทน ไม่เช่นนั้นจะไม่มีใครเติมแก๊สโซฮอล์ อีกทั้งรัฐบาลไม่ควรปล่อยให้ราคาเบนซินกับโซฮอล์ใกล้เคียงกัน เพราะจะกระทบนโยบายพลังงานทดแทนที่หลายรัฐบาลได้ศึกษาไว้และไม่ควรใช้มาตรการลดส่งเงินเข้ากองทุนเกิน 6 เดือน

รายงานข่าวระบุว่า ในที่ประชุมคณะกรรมการ นโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) สัปดาห์ที่ผ่านมา ข้าราชการคลังได้เสนอให้รัฐบาลจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น ให้ระดับราคาน้ำมันดีเซลขายปลีกไปอยู่ที่ระดับ 30 บาทต่อลิตร เพื่อไม่ให้กระทบกับการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล แต่ในที่ประชุม โดยนายกรัฐมนตรี รมว.พลังงาน และ.รมว.คลัง ไม่เห็นชอบแนวทางดังกล่าว โดยให้ข้อเสนอว่าจะนำเรื่องนี้มาพิจารณาภายใน 1-2 สัปดาห์

ปตท.ยันสำรอง91พอจ่ายทั่วปท.

นายสรัญ รังคสิริ รองกรรมการ ผู้จัดการใหญ่ หน่วยธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงสถานการณ์การจำหน่ายน้ำมันเบนซิน 91 ว่า สถานีบริการน้ำมัน ปตท.ที่จำหน่ายน้ำมันเบนซิน 91 จำนวน 1,097 แห่ง จากสถานีบริการน้ำมันทั้งหมด 1,309 แห่ง ทั่วประเทศ มียอดจำหน่ายน้ำมันเบนซิน 91 เพิ่มสูงขึ้นมาก จากยอดการจำหน่ายปกติ ที่เฉลี่ยอยู่ที่ 2.2 ล้านลิตรต่อวัน ทั้งนี้ ปตท. มีปริมาณสำรองน้ำมันเบนซิน 91 อยู่ประมาณ 45 ล้านลิตร เพียงพอกับปริมาณความต้องการ และยังเตรียมดำเนินการเพิ่มหัวจ่ายน้ำมันและจำนวนสถานีบริการน้ำมันเบนซิน 91 ให้มากขึ้น เพื่อให้เพียงพอ ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคอย่างแน่นอน

บขส.-รถร่วม5รายนำร่องลดค่าโดยสาร

ส่วนนายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร กรรมการ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) กล่าวว่า วันที่ 29 สิงหาคม บขส.จะทำหนังสือไปยัง กรมการขนส่งทางบก เพื่อขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง อนุมัติใช้อัตราค่าโดยสารใหม่ ลดอัตราค่าโดยสาร 2 สตางค์ต่อกิโลเมตร หลังราคาน้ำมันดีเซลลดลง 3 บาทต่อลิตร เบื้องต้นมีผู้ประกอบการรถร่วมบริการ บขส.ประมาณ 5-6 ราย ยินดีปรับลดอัตรา ค่าโดยสาร ก่อนที่คณะกรรมการควบคุมขนส่ง ทางบกกลางจะมีมติอนุมัติ ส่วนผู้ประกอบการรายอื่นขึ้นอยู่กับความสมัครใจ ทั้งนี้ หากได้รับการอนุมัติ จะดำเนินการได้ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม หรืออย่างช้าภายในสัปดาห์นี้

ขนส่งอีสานลดค่าบริการ8-10%

เช่นเดียวกับ นายขวัญชัย ติยะวานิช นายกสมาคมผู้ประกอบการขนส่งสินค้าภาคอีสาน เปิดเผยว่า หลังรัฐบาลลดราคาน้ำมันเชื้อเพลิง โดยในส่วนน้ำมันดีเซลลง 3 บาท ทำให้ราคาน้ำมันดีเซลที่จ.นครราชสีมา จำหน่ายอยู่ที่ราคาลิตรละ 27.26 บาท ถือเป็นการส่งผลดีต่อภาคการขนส่ง โดยสมาคมผู้ประกอบการขนส่งสินค้าภาคอีสานได้ปรับลดอัตราค่าขนส่งลง 8-10% เพื่อให้เป็นไปตามกลไกของตลาด ถือเป็นการปรับลดราคาลงตามข้อตกลงร่วมกันระหว่างทางผู้ว่าจ้าง กับ ผู้ประกอบการขนส่งสินค้า ที่ทำสัญญาค่าว่าจ้าง ด้วยการกำหนดเพดานค่าขนส่งแบบขั้นบันได เพื่อให้มีการแปรผันค่าว่าจ้าง ตามราคาน้ำมันที่มีการปรับตัวลดลงหรือสูงขึ้น อีกทั้ง ช่วงนี้เป็นช่วง ฤดูฝนมีลูกค้าใช้บริการขนส่งสินค้าไม่มากนัก ทำให้ผู้ประกอบการต้องคิดราคาค่าขนส่งต่ำกว่ารายอื่น ดึงดูดให้ลูกค้ามาใช้บริการ

กรมขนส่งฯถกลดค่าโดยสาร

ขณะที่นายเทียนโชติ จงพีร์เพียร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เผยว่า จะประชุม คณะกรรมการควบคุมขนส่งทางบกกลางภายในสัปดาห์นี้ เพื่อพิจารณาปรับค่าโดยสารในส่วน รถโดยสารสาธารณะทุกประเภท เบื้องต้นจะพิจารณา ปรับลดค่าโดยสารที่เหมาะสม ผู้ประกอบการยอมรับได้ เนื่องจากอัตราค่าโดยสารปัจจุบันคำนวณจากราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 24.71 บาท ต่อลิตร ขณะที่ราคาน้ำมันดีเซลปัจจุบันอยู่ที่ 26.99 บาทต่อลิตร อย่างไรก็ตาม ในส่วนสมาคม ผู้ประกอบการรถโดยสารแห่งประเทศไทย จะประชุมกำหนดแนวทางดำเนินกิจการ วันที่ 2 กันยายน

source:http://www.naewna.com/news.asp?ID=277535

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น