วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2554

อะไรคือ...ประหยัด

วันนี้ เป็นสันแรกที่ราคาน้ำมันเบนซิน 95 และเบนซิน 91 ลดลง 7 ถึง 8 บาท และน้ำมันดีเซลลดลงอีก 3 บาท หลังจากที่รัฐบาลชุด นายกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีนโยบายไม่เก็บเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงกับน้ำมันทั้ง 3 ชนิดดังกล่าว โดยไม่ได้กำหนดระยะเวลาการยกเลิกการจัดเก็บ และจากการติดตามข่าวว่าจะมีกระแสผู้ใช้ยวดยานทั้งหลายแห่กันไปเติมน้ำมันแน่นสถานีบริการ ก็กลับเป็นว่าเหตุการณ์ปกติ เพียงแต่น้ำมันเบนซินทั้ง 2 ชนิดขายหมดเกลี้ยงตั้งแต่บ่าย

จากหลายมุมมองที่กล่าวถึงนโยบายนี้ บ้างก็ว่าจะทำให้คนไทยใช้รถยนต์ส่วนตัวกันมากขึ้น โดยเฉพาะรถหรูราคาเรือนล้านทั้งหลาย จะเป็นการใช้น้ำมันกันอย่างฟุ่มเฟือย รวมถึงส่งผลให้ราคาแก๊สที่เคยได้รับการสนับสนุนจากเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอาจมีการปรับราคาขึ้น และลามเป็นลูกโซ่ถึงราคาสินค้า อาหารต่างๆ ก็จะขึ้นราคาตามมาอีกในอนาคต

แต่จากมุมมองของกระทรวงพลังงานและรัฐบาล ได้มองไปที่ปี พ.ศ.2558 ที่ประเทศไทยจะเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซี่ยนอย่างเต็มตัว ซึ่งนั่นก็หมายถึงพรมแดนด้านการค้าก็จะเปิดกว้างโดยปราศจากเรื่องของภาษีนำเข้า-ส่งออกอีกต่อไป

ก่อนหน้านี้คนไทยต้องใช้น้ำมันเบนซินในราคาที่สูงกว่าประชาชนของประเทศเพื่อนบ้าน ถึงวันนี้คนไทยได้ใช้น้ำมันเบนซินด้วยราคาที่สูสีกับเพื่อนบ้านแล้ว ขณะที่ราคาก๊าซธรรมชาติของประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนสูงกว่าในประเทศเรา และอีก 4 ปีข้างหน้าถ้ากลุ่มประเทศอาเซียนเปิดอ้าอย่างไร้พรมแดน แน่นอนว่าก๊าซธรรมชาติที่ผลิตและจำหน่ายในบ้านเราก็จะทะลักออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างอิสระเสรี ด้วยข้อกำหนดในเรื่องเขตการค้าเสรีของประชาคมอาเซียน ถึงเวลานั้นบ้านเราอาจจะเกิดภาวะขาดแคลนก๊าซธรรมชาติก็เป็นได้

ถ้าหากปล่อยให้ราคาก๊าซธรรมชาติ ราคาน้ำมัน เป็นไปตามกลไกการตลาด อย่างไรคนไทยก็ได้ใช้ก๊าซใช้น้ำมันในราคาที่เท่าๆ กับประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มประชาคมอาเซียนจะดีกว่าไหม?

หรือจะปล่อยให้คนไทยขับรถเข้าไปเติมน้ำมันในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งก็คงจะสะดวกเฉพาะคนที่อยู่ตามแนวชายแดน และให้ประเทศในประชาคมอาเซียนเป็นสิบประเทศ สั่งซื้อก๊าซจากบ้านเราไปใช้กันด้วยราคาที่ถูกแสนถูก นั่นก็จะเท่ากับว่าผู้ใช้น้ำมันชาวไทยต้องแบกรับภาระเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อการใช้ก๊าซในราคาถูกให้กับคนทั้งประชาคมอาเซียน

หากเป็นเช่นนี้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของเราจะทนรับภาระเช่นนี้ได้หรือไม่? จะเป็นการยังประโยชน์สูงสุดเพื่อคนไทยทั้งประเทศได้หรือเปล่า? และเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายของคนไทยได้จริงหรือ?

พูดถึงเรื่องการรณรงค์ให้ประชาชนใช้พลังงานกันอย่างประหยัด อย่างเรื่องของยานพาหนะต่างๆ ทั้งรถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์ ปัจจุบันผู้ผลิตค่ายรถต่างๆ ก็คิดค้นเทคโนโลยีที่จะทำให้การใช้น้ำมันประหยัดมากขึ้น อาทิ การพัฒนาเครื่องยนต์ให้เป็นระบบหัวฉีดแทนระบบคาร์บูเรเตอร์ รวมทั้งพัฒนาให้สามารถใช้กับพลังงานทดแทนได้

รวมถึงการจัดกิจกรรมอย่าง การแข่งขันฮอนด้าประหยัดเชื้อเพลิง หรือ Honda Eco Mileage Challenge ที่ บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด จัดขึ้นต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 14 แล้ว นับว่าเป็นกิจกรรมที่ไม่เพียงทำให้เห็นเป็นรูปธรรมในการส่งเสริมการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์และทักษะด้านวิศวกรรมยานยนต์ แต่ยังเป็นการปลูกฝังจิตสำนึกด้านการประหยัดพลังงานให้กับเยาวชนไทยที่เข้าร่วมการแข่งขัน พร้อมทั้งยังสนับสนุนให้คนรุ่นใหม่ๆ ได้แสดงพลังความคิด พิสูจน์ไอเดียมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีประหยัดน้ำมันเพื่อมนุษยชาติและสิ่งแวดล้อม

กิจกรรมดีๆ เช่นนี้ ถ้าภาครัฐทุกส่วนที่ไม่เพียงแค่กระทรวงศึกษาธิการเท่านั้นให้การส่งเสริมและสนับสนุน พร้อมร่วมจัดกับเอกชนอย่างจริงจัง ไม่แน่ว่าในอนาคตประเทศไทยเราอาจจะสามารถผลิตยานพาหนะที่ประหยัดน้ำมันแบบเป็นร้อยเป็นพันกิโลเมตรต่อลิตรได้สำเร็จก็ได้ และในเวลานั้นน้ำมันจะราคาลิตรละเป็นร้อยบาทก็คงไม่ทำให้ผู้ใช้เดือดร้อนแต่อย่างใด

source:http://www.banmuang.co.th/motor.asp?id=247126

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น