เนื่องจากบริษัท “ไออาร์พีซี” ได้เป็นผู้บุกเบิกอุตสาหกรรม
ปิโตรเคมีครบวงจรแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีโรงกลั่นน้ำมัน
และโรงงานปิโตรเคมีตั้งอยู่ย่านชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก ตำบลเชิง เนิน
อำเภอเมืองระยอง จังหวัด ระยอง
ซึ่งเป็นเขตประกอบการอุตสาหกรรม
ภายใต้การจัดการของบริษัท พร้อมสาธารณูปโภคพื้นฐานที่สนับสนุนการดำเนินธุรกิจ
ทั้งท่าเรือน้ำลึก คลังน้ำมัน และ โรงไฟฟ้า ดังนั้น
การทำอุตสาหกรรมดังกล่าวถือเป็นส่วนหนึ่งที่อาจจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนละแวกใกล้เคียง
ทำให้ทางไออาร์พีซีได้เปิดโรงผลิตพลังไอน้ำและไฟฟ้าร่วมมาตรฐานมงกุฎไทย (Crown
Standard) ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติแทนหน่วยผลิตไอน้ำที่ใช้น้ำมันเตาทั้งหมด
เพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และปกป้องชุมชน
นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร
กรรมการและรักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) บอกว่า
จากการเล็งเห็นถึงปัญหาทางด้านสิ่งแวดล้อม และชุมชน
อีกทั้งต้องการสนองนโยบายรัฐบาลทั้งด้านความมั่นคง การใช้พลังงาน
สะอาดและการมีส่วนร่วมของชุมชนมั่นใจ ไร้ปัญหาในอนาคต
ล่าสุด
ทางบริษัทได้เปิดโรงผลิตพลังไอน้ำและไฟฟ้าร่วมจากก๊าซธรรมชาติ (Combined Heat and
Power Plant) ณ เขตประกอบการอุตสาหกรรม จังหวัดระยอง
โดยโรงผลิตพลังไอน้ำและไฟฟ้าร่วมจากกก๊าซธรรมชาติ (Combined Heat and Power Plant)
เป็นโรงงานขนาดกำลังผลิตไอน้ำ 408 ตันต่อชั่วโมง และกำลังผลิตไฟฟ้าขนาดกำลังผลิต
220 เมกะวัตต์ ของ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) ณ เขตประกอบการอุตสาหกรรม
ไออาร์พีซี จังหวัดระยอง
“โครงการนี้ เป็นโครงการที่สอดคล้อง
กับนโยบายด้านพลังงานของประเทศทั้งในแง่ของการเสริมสร้างความมั่นคงให้กับระบบการผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยพลังงานสะอาด
การรักษาสิ่งแวดล้อมและลดผลกระทบจากกระบวนการผลิตไฟฟ้า
รวมถึงการเปิดโอกาสให้ชุมชนในพื้นที่ได้มี ส่วนร่วม
ตั้งแต่การเริ่มโครงการเพื่อสร้างการพัฒนา ที่ยั่งยืน” ต่อชุมชนเขาบอกต่อว่า
โครงการนี้ สร้างขึ้น เพื่อทดแทนการผลิตไอน้ำที่ใช้น้ำมันเตา ซึ่ง ไออาร์พีซี
ได้หยุดและยกเลิกหน่วยผลิตดังกล่าวครบทั้งหมดแล้ว
หลังจากที่ได้ทยอยปลดระวางตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ทั้งนี้
โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของพันธสัญญาระหว่าง ไออาร์พีซี และชุมชน
ในการร่วมมือกันเพื่อลดและป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
อันอาจเกิดจากกระบวนการผลิตในภาคอุตสาหกรรม ขณะเดียวกันยังส่งผลดี ในการลดต้นทุนของ
บริษัทด้วย ทั้งนี้ หลังจากเริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์เมื่อเดือนมิถุนายน บริษัท
สามารถลดต้นทุนค่าไฟฟ้าและสาธารณูปโภค ลงร้อยละ 16 ซึ่งเป็นไปตามผลการศึกษา
ที่คาดการณ์ว่าโครงการนี้จะช่วยลดการใช้น้ำมันเตาในการผลิตไอน้ำและไฟฟ้าได้ 240,000
ตันต่อปี หรือช่วยประหยัดต้นทุนการผลิตได้ 5 ล้านบาทต่อวัน หรือ 150
ล้านบาทต่อเดือน
สำหรับแผนการดำเนินการหลังจากนี้ ไออาร์พีซี
จะดำเนินงานตามแผนงานของโครงการฯ ในการขายคาร์บอนเครดิต
ให้กับสหประชาชาติตามอนุสัญญาว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
เพื่อนำรายได้ส่วนหนึ่งมาจัดตั้งกองทุนพัฒนาชุมชนและสิ่งแวดล้อมภายนอกพื้นที่โครง
การ อันเป็นเป้าหมายสำคัญที่จะเพิ่มความ ร่วมมือระหว่าง ไออาร์พีซี และชุมชน
ในการสร้างการพัฒนาที่ยั่งยืนให้กับชุมชนโดยรอบและประเทศชาติต่อไป
อย่างไรก็ตาม
การดำเนินการโครงการนี้บริษัทได้ปรับใช้ต้นแบบจากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าถ่านหินอิโซโกะ
ประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะกระบวนการบริหารจัดการที่ดีทั้งการผลิตและการรักษา
สิ่งแวดล้อมที่ทำให้สามารถอยู่ร่วมกับชุมชนมานานกว่า 30 ปี
ซึ่งขณะนี้ก็พิสูจน์ให้เห็นถึงผลสำเร็จที่เกิดขึ้น ทั้งในแง่การมีส่วนร่วมกับชุมชน
การลดปัญหาสิ่งแวดล้อมและการสร้างผลตอบแทนทางธุรกิจ
ดังนั้นโรงไฟฟ้าแห่งนี้จะถูกนำไปใช้เป็นต้น
แบบการดำเนินงานให้กับโรงงานอุตสาหกรรมอื่นๆ
ของเครือปตท.และโรงงานอุตสาหกรรมในจังหวัดระยอง
“นับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน
2549 ที่เริ่มศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ ไออาร์พีซี
มุ่งมั่นและทุ่มเทการดำเนินงาน ทุกขั้นตอนอย่างระมัดระวัง เพราะจะเป็น
บทพิสูจน์สำคัญให้เห็นว่า เราพร้อมที่จะเป็นสมาชิกรายหนึ่งของชุมชนแห่งนี้
นับตั้งแต่การทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบ สิ่งแวดล้อม (EIA) การรับฟังความคิดเห็น
จากทุกภาคส่วน ที่ใช้เวลาเกือบ 2 ปี ก่อนที่จะเริ่มก่อสร้างเมื่อกันยายน 2552
และเปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการ แม้จะใช้ เวลามากกว่าแผนที่วางไว้ แต่ก็เป็นความ
ภาคภูมิใจของชาว ไออาร์พีซี ทุกคน ที่ได้มีโอกาสเรียนรู้และได้ร่วมมือเพื่อสร้าง
โครงการที่ดีให้กับบ้านและชุมชนเพื่อนบ้านของเรา”
สำหรับโรงผลิตพลังไอน้ำและไฟฟ้า
ร่วมแห่งนี้ ใช้เงินลงทุนประมาณ 8,000 ล้านบาท ประกอบด้วยหน่วยผลิตจำนวน 6 หน่วย
โดยจะผลิตไฟฟ้าป้อนให้กับโรงงานต่างๆ ในเขตอุตสาหกรรม ไออาร์พีซี
ที่สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 400,000 ตัน/ปี
และได้รับรางวัลมาตรฐานมงกุฎไทย (Crown Standard) จากองค์การบริหารจัดการก๊าซ
เรือนกระจก (องค์การมหาชน)
ผู้บริหาร บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน)
บอกทิ้งท้ายว่า ในฐานะที่บริษัท ได้แสดงถึงความมุ่งมั่นและทุ่มเทในการ
ปรับปรุงกระบวนการผลิตและการดำเนิน งานของโครงการ
เพื่อลดการเกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน ให้น้อย ที่สุด
โดยสามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากที่สุดของประเทศไทย
และเป็นความภูมิใจที่เป็นโครงการแรกของจังหวัดระยอง
ที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้
อีกทั้งยังเป็นโรงไฟฟ้าและโรงงานอุตสาหกรรมแห่งแรกในจังหวัดระยองที่ดำเนินการตามกระบวนการเรื่องสิ่งแวดล้อมของ
EIA อีกด้วย
source:http://www.siamturakij.com/home/news/display_news.php?news_id=413355433
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น